มักจะได้ยินคำว่าฝนตก 10 มิลลิเมตรบ้าง 20 บ้าง ฟังแล้วนึกภาพไม่ออก แต่อาจจะมีคนอยากเข้าใจ
มันหมายความว่า ถ้ามันตกลงมารวม ๆ กันอยู่ตรงนั้น ไม่ไหลไปไหน หรือจะให้เข้าใจมากว่านี้ก็ลองนึกภาพว่าเราเอากะละมังมารองรับน้ำฝนนั่นแหละ ส่วนไอ้ตัวเลขที่ว่า 20 มิลลิเมตรคือความสูงรวม ๆ ถ้าพูดแค่นี้หมายความว่า 24 ชม มันตกลงมารวมกันได้สูง (หรือจะเรียกลึกก็ได้) 20 มิลลิ้เมตร ถ้าเทียบกับนิ้วมือเราก็ประมาณ 1 ข้อหัวแม่โป้ง นั่นแหละ ถ้าเป็นในช่วงเวลา 24 ชม หรือ 1 วัน ก็ถือว่าไม่มาก แต่ทั่ว ๆ ไปพอฝนมันตกมันก็จะตกไม่นานไปกว่า 2 - 3 ชั่วโมง แต่ถ้าตกหลายวัน ๆ ละเท่านี้ก็เอาเรื่อง
คราวนี้ถ้ามันตกหนัก ๆ ซัก 5 ชั่วโมง ๆ ละ 25 มิลลิเมตร ก็จะได้ 5 x 25 = 125 มิลลิเมตร ก็ประมาณคืบนึง คราวนี้แหละก็เริ่มถือว่ามาก ก็อาจจะล้นกะละมัง หรือถ้าเป็นถนนในหมู่บ้าน ถ้าหากมันไม่มีทางไป เช่นท่อตัน มันก็จะเริ่มเอ่และท่วมไปในที่สุด
ต่อมาถ้ามันตกนานและกินพื้นที่กว้างขวาง มันก็เริ่มจะมาก และมากจนเป็นเมกกะท่วม เช่น ถ้ากินพื้นที่กว้าง 1 กม ยาว 1 กม และสูงประมาณเข่าหรือประมาณ 450 มิลลิเมตร (เข่าผูใหญ่ตัวเล็ก) ก็จะคิดเป็นน้ำเท่ากับ
1 กม x 1 กม x 450/1000 = 1000 ม x 1000 ม x 0.45 ม = 450000 ลูกบาศก์เมตร หรือ เรียกว่า 450000 คิว ก็เท่ากับถังน้ำที่บ้าน 450000 ลูกนั่นแหละ
หรือถ้าท่วมสูง 1 เมตร บนพื้นที่กว้างยาว 1 กม ก็เท่ากับ 1 ล้านคิว
ภาพตัวอย่าง
การวัดปริมาณน้ำฝน โดยภาชนะวางในมี่โล่ง (นอกชายคา นอกร่มไม้ ไม่มีอะไรบัง) เรียกสั้น ๆ ว่า "กลางหาว"
การคำนวณปริมาณน้ำทั่วขังโดยประมาณ ทำการกะระยะโดยประมาณ เป็นกว้างยาว ลึก ให้ได้ก็ใช้ได้